เรียนรู้โลกต้นอ่อนของทานตะวันโรงเรียนวัดสุขไพรวัน
ตั้งอยู่เลขที่ 38/2 หมู่ที่ 3 ตำบลกองดิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มีพื้นที่ จำนวน 12 ไร่ 48 ตารางวา เปิดสอนระดับชั้น อนุบาล 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนจำนวน 751 คน ข้าราชการครู จำนวน 39 คน บุคลากรทางการศึกษา จำนวน 6 คน เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนคุณภาพประจำตำบลและเป็นโรงเรียนนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาของจังหวัดระยอง
นำบริบทของโรงเรียนสู่การเพาะปลูกต้นอ่อนทานตะวัน
เรียนรู้โลกต้นอ่อนของทานตะวันโรงเรียนวัดสุขไพรวัน ซึ่งครูคมศักดิ์ จันทร์ขิ่น เปิดเผยว่า จากบริบทของโรงเรียนสู่ school concept “Junior farm & Marketing” โรงเรียนวัดสุขไพรวัน มุ่งเน้นการสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการเกษตรและการเป็นผู้ประกอบการอันจะเป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต พบว่าการเรียนรู้ปกติในห้องเรียนไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ จึงได้มีการจัดหน่วยบูรณาการขึ้นในแต่ละช่วงชั้นประกอบไปด้วยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้เรียนในแต่ละวัย และองค์ความรู้ที่จะเกิดขึ้นหลังจากผู้เรียนได้รับการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม school concept ของโรงเรียน จำเป็นอย่างยิ่งที่โรงเรียนต้องจัดสิ่งแวดล้อมและปรับหลักสูตรของโรงเรียนให้ตอบสนองต่อบริบทของโรงเรียน การจัดทำหน่วยบูรณาการ Junior farm & Marketing ในแต่ละช่วงชั้น มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ลงมือปฏิบัติทางด้านการเพาะปลูก การออกแบบและการจำหน่าย ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง มีความรู้ ทักษะในการทำงาน เจตคติที่ดีในการทำงาน สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการปลูกต้นอ่อนพืช ในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้ทำในช่วงปีการศึกษา 2563 ที่ผ่านมา และจะดำเนินต่อไปในปีการศึกษา 2564 นี้
เป้าหมายการเรียนรู้ในครั้งนี้
- รู้จักเมล็ดพันธุ์พืช
- รู้จักขั้นตอน วิธีการ และลงมือเพาะปลูกได้
- สามารถดูแลต้นอ่อนจนถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้
- คิดคำนวณต้นทุนการผลิตก่อนออกจำหน่ายได้
- เก็บเกี่ยวและคัดแยกต้นอ่อนที่มีคุณภาพก่อนออกจำหน่าย
- สร้าง brand เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าได้
โดยมี Concept ของโรงเรียน คือ ปลูกได้ ขายเป็น เน้นพอเพียง
เริ่มวิธีการปลูกอย่างไรกันบ้าง
- นำเมล็ดแช่น้ำ 4 – 6 ชั่วโมง ระหว่างแช่จะมีฟองกาศซึ่งเกิดจากน้ำเข้าไปในเมล้ด หลังจากนั้น เทน้ำออก
- นำเมล็ดบ่มในผ้าขนหนู ประมาณ 18 – 20 ชั่วโมง
- โรยเมล็ดลงดิน โดยไม่ให้หนา หรือ บางจนเกินไป
- โรยดินกลบบางๆ และรดน้ำพอชุ่ม
- นำถาดมาซ้อนกันประมาณ 1 คืน หลังจากนั้นให้นำถาดออกมารดน้ำตามปกติ วันละ 2 ครั้ง เช้า -เย็น
- เข้าสู่วันที่ 4 รดน้ำบางๆ เพื่อให้ดินหลุดจากใบ สามารถเริ่มเก็บเมล็ดที่ติดใบออกได้ รดน้ำเช้า – เย็น
- เก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อนำออกจำหน่าย
1. เตรียมเมล็ดพันธุ์ และอุปกรณ์ก่อนปลูก
2. ลงมือปลูก
3. ดูแลผลผลิต
4. เก็บเกี่ยวผลผลิต
5. ออกจำหน่าย
ปัญหาจากการปลูกต้นอ่อน
ครูอุ่นเรือน พุทธเวช กล่าวถึงว่า ปัญหาช่วงแรก ๆ คือ ทั้งครูและนักเรียน ยังไม่สามารถที่จะทำได้แล้วได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ยังเป็นช่วงของการลองผิด ลองถูก ตอนเริ่มเพาะครั้งแรก ปัญหาที่พบ คือ ใบของต้นอ่อนทานตะวันมีสีเขียวเข้มจนเกินไป รสชาติมีกลิ่นเหม็นเขียว ดินที่ไม่มีคุณภาพทำให้ต้นอ่อนเน่า และอุปกรณ์ที่ใช้เพาะปลูกยังไม่เหมาะสม จึงได้ช่วยกันหาวิธีแก้ไข หาสาเหตุของปัญหาโดยการศึกษาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต จากเครือข่ายที่ปลูกต้นอ่อนทานตะวัน และนำมาปรับปรุงใช้จนได้คุณภาพของต้นอ่อนอย่างที่เราต้องการ ซึ่งจะมีช่วงพักการปลูกอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นพืชระยะสั้น ใช้เวลาปลูก 5 – 7 วัน เพื่อไม่ให้ออกจำหน่ายติดกันเกินไป
ข้อค้นพบของคุณครูจากการพานักเรียนลงมือทำ
ครูอุ่นเรือน พุทธเวช กล่าวว่า ได้เห็นเด็กๆ จากหลาย ๆ ครอบครัวที่ไม่เคยได้สัมผัสกิจกรรมที่ต้องทำรวมกันเป็นกลุ่มคณะ เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนักเรียน และเด็กบางคนทางบ้านจะมีการพาทำการเกษตรแบบนี้ พาเด็กกินผัก คือส่วนใหญ่เด็กจะกินผักไม่ค่อยเป็น แต่พอมาได้ลองทำกิจกรรมตรงนี้ คือเด็กได้เห็นตั้งแต่เมล็ดงอกขึ้นมา ได้ทำการรดน้ำ ได้บำรุง ได้มาตัดมาล้าง มาแพ็คต้นอ่อนใส่ถุงเพื่อจำหน่ายและได้ออกไปขายให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง แล้วพอทำได้แววตาของเด็กจะดูมีความสุข และได้ต่อยอดโดยพาเด็กกลุ่มที่ไม่กินผักได้มาทำกิจกรรมตรงนี้ เพื่อให้เด็กเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาปลูกว่ามีประโยชน์และสามารถกินได้ โดยทำเมนูง่าย ๆ เช่น ไข่เจียวต้นอ่อนทานตะวัน ทำให้เด็กรู้สึกว่าจากที่ไม่เคยกิน ไม่เคยสัมผัส พอได้กินเข้าไป เด็กก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต่อไปหนูจะกินผัก หนูจะกินผักให้มากขึ้น หนูรู้ว่ามีประโยชน์และก็อร่อย” มีเด็กบางคนได้นำทักษะตรงนี้ไปปลูกให้ผู้ปกครองดูที่บ้าน เช่น ต้นอ่อนผักบุ้ง ต้นอ่อนทานตะวัน และผู้ปกครองได้มีเสียงสะท้อนกลับมาให้ครูฟังว่า กิจกรรมนี้ดีมากๆ เพราะทำให้เห็นลูก เห็นหลานเอากิจกรรมตรงนี้ไปทำต่อ จากที่ไม่เคยคิดจะทำอะไร กลับบ้านไปเล่นแต่โทรศัพท์ เขาก็ไปหาเมล็ดพันธุ์ที่เขาจะปลูก มาดูแลจนสามารถกินได้
นายคมศักดิ์ จันทร์ขิ่น กล่าวว่า นักเรียนมีความสุข และสนุกกับการเพาะเมล็ดพืชผักในท้องถิ่นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รู้จักสังเกต คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ และดูแลรักษาได้อย่างถูกต้อง ตามลำดับขั้นตอน และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วนำมาจำหน่ายสร้างรายได้เป็นการสร้างทางเลือกอาชีพได้ในอนาคต และเข้าใจการใช้ชีวิตแบบพอเพียงอย่างมีความสุขในสังคม
จากการสัมภาษณ์ ผู้เขียนมีความเห็นว่า
สิ่งต่างๆที่ผ่านการลงมือทำ ผ่านการเคลื่อนไหวจากทางร่างกาย ได้ใช้สมอง ใช้ใจ ในการตั้งใจลงมือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและตนเอง สิ่งนั้นย่อมมีคุณค่า มีความหมายต่อความรู้สึกของเราเองเป็นอย่างยิ่ง เพราะผ่านการลงมือทำ การตั้งใจของเราเอง ยกตัวอย่างเช่น การลงมือปรุงอาหารมื้อนั้นด้วยมือของเรา ทำให้พบว่า รสชาติของอาหารถึงแม้จะไม่อร่อยเท่าซื้อมาจากข้างนอก แต่เรากลับกินอาหารจานนั้นด้วยความสุข และรู้คุณค่าของวัตถุดิบที่ใช้ประกอบเป็นอาหารจานนั้นขึ้นมา ทำให้กินจนหมด ไม่กินทิ้ง กินขว้าง และที่สำคัญมั่นใจได้ว่า สะอาด ปลอดภัย
ติดตามความเคลื่อนไหวผ่าน Facebook เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม Facebook
หน้าแรก
ผู้เขียน : ปราชญาพร แช่ใจ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อุ่นเรือน พุทธเวช , คมศักดิ์ จันทร์ขิ่น ครูโรงเรียนวัดสุขไพรวัน
ผู้สัมภาษณ์ : ปราชญาพร แช่ใจ
กราฟิกดีไซน์เนอร์: อิศรา โสทธิสงค์, เก ประเสริฐสังข์
ผู้อัพโหลดคอนเทนต์: ปราชญาพร แช่ใจ
ภาพประกอบ: โรงเรียนวัดสุขไพรวัน